CTR (Click Trough Rate) หรือ อัตราการคลิกผ่านลิงก์ อธิบายง่าย ๆ คือ เปอร์เซ็นต์ของคนที่คลิกลิงก์บนโฆษณาของคุณ ยกตัวอย่าง สมมติผลลัพธ์โฆษณาบอกว่ามีค่า CTR 50% หมายความว่า ถ้ามีคน 100 คนเข้ามาดูโฆษณาของเรา จะมีคนคลิกลิงก์ประมาณ 50 คน
ค่า CTR เนี้ยมันสามารถบอกได้ดีในระดับหนึ่งเลยว่าคนสนใจโฆษณาของคุณมากน้อยแค่ไหน เพราะการที่คนจะคลิกลิงก์โฆษณานั้นหมายความว่าต้องสนใจสินค้าในระดับหนึ่ง ค่า CTR จึงเป็นผลลัพธ์สำคัญที่ต้องสนใจเป็นพิเศษโดยเฉพาะเวลา Test โฆษณาหลาย ๆ ตัวเพื่อดูว่าตัวไหนทำงานได้ดีที่สุด
ได้รู้ความสำคัญของ CTR ไปแล้วก็มาดูกันว่าผลลัพธ์เป็นเปอร์เซ็นต์นี่มาจากอะไร ซึ่งวิธีการคำนวณก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรครับ เพียงแค่ใช้ “จำนวนการคลิกลิงก์” หารด้วย “อิมเพรสชั่น” แล้วคูณ 100 เพื่อให้ได้ออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ การที่เราดูเป็นเปอร์เซ็นต์แบบนี้จะสามารถอ่านผลลัพธ์ได้ง่ายและแม่นยำมากขึ้นกว่าดูเป็นจำนวนการคลิกเฉย ๆ CTR จึงเป็นตัวเปรียบเทียบโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ
อ่านมาจนถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าคลิกลิงก์นี่เฉพาะใส่ url เว็บไซต์อย่างเดียวรึเปล่า คำตอบคือไม่ใช่ครับ แอคชั่นของยูสเซอร์ที่จะนับเป็นการคลิกลิงก์มีหลากหลายมาก เช่น กด Facebook Canvas, คลิกปุ่มกระตุ้นการดำเนินการ (Call-to-action) อย่างคลิกเพื่อโทร เพื่อส่งข้อความ และอื่น ๆ ซึ่งแอคชั่นทั้งหมดนี้มีนัยยะสำคัญครับว่าพวกเขาเหล่านั้นมีโอกาสจะมาเป็นลูกค้าของคุณแล้ว
ที่นี้คงเข้าใจกันแล้วนะครับว่า CTR สำคัญขนาดไหน มีกลไกในการทำงานอย่างไร ใครที่เคยละเลยการอ่านค่า CTR ให้ความสำคัญกับ Engagement อื่น ๆ มากกว่า คงต้องลองพิจารณาค่า CTR ประกอบกับผลลัพธ์อื่น ๆ ด้วยแล้วล่ะครับ การเทสต์โฆษณาของคุณจะง่ายและแม่นยำขึ้นแน่นอน