5 ขั้นตอนวิธีเปิดใช้งาน Facebook Page (สร้างเพจ)
คอนเทนต์นี้สำหรับมือใหม่ หรือใครที่เปิดเพจไปสักพักแล้วอยากเช็คตัวเองว่าเพจที่เราดูแลอยู่นั้นได้ขาดตกบกพร่องอะไรไปรึเปล่า สำหรับใครที่มีเพจอยู่แล้ว ผมแนะนำให้ข้ามไปอ่านขั้นตอนที่ 3 เป็นต้นไปได้เลย
ส่วนใครที่ขี้เกียจอ่านยาวๆ ผมแนะนำให้อ่านที่สไลด์ด้านล่างนี้ก็ได้ เนื้อหาครบเหมือนกัน
ขั้นตอนที่ 1 : เลือกประเภทธุรกิจ
ให้เราคลิกไปที่ https://www.facebook.com/pages/create.php เพื่อเปิดใช้บริการ Facebook Page (สร้างเพจ) โดยขั้นแรกเราจำเป็นต้องเลือกประเภทธุรกิจก่อน โดย Facebook มีให้เลือก 6 ประเภทธุรกิจด้วยกัน
- ธุรกิจหรือสถานที่ในท้องถิ่น (Local Business or Place)
- บริษัท องค์กร หรือสถาบัน (Company, Organization, or Institution)
- แบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ (Brand or Product)
- ศิลปิน วงดนตรี หรือบุคคลสาธารณะ (Artist, Band, or Public Figure)
- ความบันเทิง (Entertainment)
- การกุศลหรือชุมชน (Cause or Community)
แต่ละประเภทธุรกิจ ข้อมูลที่ให้เลือกจะไม่เหมือนกัน ฉะนั้นจำเป็นต้องเลือกให้ตรงกับธุรกิจของคุณ
ผมได้สรุปข้อมูลที่จำเป็นของแต่ละประเภทธุรกิจมาให้ตามตารางด้านบน ผมแนะนำให้เตรียมข้อมูลมาให้พร้อม จะได้ไม่เสียเวลาหาข้อมูลตอนถึงขั้นตอนนี้
สำหรับบทความนี้ ผมเลือกประเภท บริษัท องค์กร หรือสถาบันในการจำลองการสร้างเพจนะครับ หลังจากเรากรอกรายละเอียดเสร็จ ขั้นตอนต่อไปเราต้องกรอกชื่อบริษัท ขั้นตอนนี้ผมแนะนำว่าให้กรอกข้อมูลที่จะใช้จริง อย่ากรอกมั่วเพราะชื่อบริษัท หรือธุรกิจ Facebook ให้เราเปลี่ยนได้จำกัด
ขั้นตอนที่ 2 : กรอกข้อมูลเบื้องต้น
ขั้นตอนนี้ไม่ยากครับ เพียงแค่เรากรอกตามขั้นตอนที่ Facebook ได้เตรียมเอาไว้ให้ โดยมีทั้งหมด 4 ขั้นตอนด้วยกัน
ข้อมูลหัวข้อ “เกี่ยวกับ (About)”
ข้อมูลหัวข้อนี้เราจำเป็นต้องกรอกทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน โดยแบ่งเป็น
- ส่วนที่หนึ่ง ให้เรากรอกข้อมูลที่อธิบายถึงบริษัท หรือองค์กรของคุณ
- ส่วนที่สอง ใส่ที่อยู่เว็บไซต์ หรือลิงค์ Social Media อื่นๆ ของเรา
- ส่วนที่สาม กรอกชื่อ URL ของเพจที่เราต้องการเช่น mewSocial (ชื่อจะอยู่หลังจาก www.facebook.com/mewSocial)
อัพโหลดรูปโปรไฟล์ (Profile)
ขั้นตอนนี้ Facebook จะให้เราอัพโหลดรูปโปรไฟล์บริษัท หรือจะเป็นโลโก้บริษัทก็ได้ โดยขนาดมาตราฐานของรูปจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส 180x180px
เพิ่มลงในรายการโปรด (Favourite)
หน้า Facebook ของทุกคนด้านซ้ายมือจะมีเมนูที่เราสามารถ เพิ่ม-ลบ เพจที่เราชื่นชอบได้ ผมแนะนำให้กด Add Favourite เอาไว้เพื่อง่ายต่อการค้นหา
กลุ่มเป้ายหมายเพจที่ต้องการ (Reach More People)
ขั้นตอน 3: ทำความรู้จัก Admin Panel
ใครที่ทำถึงขั้นตอนนี้ ผมขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณได้มีเพจเป็นของตัวเองแล้ว ถัดไปผมจะแนะนำเมนูที่สำคัญๆ ที่คุณควรรู้ แต่ก่อนอื่นเลย อย่าลืมกด Like เพจของตัวเองก่อนละ หลังจากนั้นกดที่ปุ่มสีน้ำเงินคำว่าเพิ่มปุ่ม แล้วเลือกข้อความที่อยู่บนปุ่มให้เรียบร้อย
หลังจากนั้นผมจะพาไปดูเมนูที่จำเป็นโดยผมขอเริ่มจากเมนู Setting ที่อยู่ตรงด้านขวาบน เมื่อกดเข้ามาแล้วจะเห็นเมนูอะไรไม่รุ้เต็มไปหมด อย่าเพิ่งตกใจ ผมจะอธิบายเมนูที่สำคัญ
- General (ทั่วไป) : เมนูนี้จะเป็นหัวข้อที่ให้เรากรอกรายละเอียดของธุรกิจโดยละเอียด (ข้อมูลให้กรอกจะแตกต่างตามประเภทธุรกิจ)
- Messaging (การตอบรับข้อความ) : เมนูนี้จะให้เรากรอกรายละเอียดการตั้งข้อความอัตโนมัติ และตั้งค่าการตอบข้อความใน Inbox เช่นถ้าเรามีเวลาเช็คเพจนี้วันละครั้ง เราสามารถตั้งข้อความให้ลูกค้ารู้ว่าเราจะตอบกลับคุณนานหน่อยนะ และเราสามารถตั้งข้อความโต้ตอบอัตโนมัติได้
- Page Roles (บทบาทในเพจ) : ปรับมอบสิทธิ์ เจ้าของเพจ คนดูแลเพจ คนลงโฆษณา ให้กับเพื่อน หรือพนักงานในบริษัท
ขั้นตอน 4: เชิญชวนด้วยคอนเทนต์
ขั้นตอนต่อจากนี้จะเป็นขั้นตอนการแนะนำเพจให้เป็นที่รู้จักด้วยการทำคอนเทนต์
โพสต์
เมื่อเราปรับแต่งเพจเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราต้องโพสต์ข้อความเพื่อเชิญชวนให้คนอื่นรู้จัก โดยรูปแบบของคอนเทนต์ที่เราสามารถโพสต์ได้จะมีด้วยกัน 6 รูปแบบ
- โพสต์ข้อความอย่างเดียว (Plain text status)
- โพสต์รูปภาพและข้อความ (Photo with caption)
- โพสต์ลิงค์และข้อความ (Link with caption)
- โพสต์วิดีโอและข้อความ (video with caption)
- โพสต์อีเว้นกิจกรรม (Event page)
- เช็คอิน (Location check-in)
ผมแนะนำให้โพสต์แรกของคุณเป็นโพสต์ที่บอกว่า “เพจนี้เป็นเพจอะไร” เช่นขายรองเท้าก็ทำคอนเทนต์บอกว่าร้านเราเป็นร้านรองเท้า โดยแต่งเป็นรูปภาพ หรือวิดีโอ แล้วตามด้วยข้อความปิดท้าย
หลังจากนั้นให้เลื่อนไปที่ลูกศรสีเทาด้านขวาบน แล้วกดเลือก “Pin to Top” เพื่อปักหมุดให้คอนเทนต์นี้อยู่บนสุด
รูปปก Cover Photo
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือรูปหน้าปก หรือ Cover Photo (รูปที่ใหญ่ที่สุด) ผมแนะนำให้เราหาคนที่ออกแบบเก่งๆ แล้วให้เขาช่วยออกแบบให้ โดยมีขนาดความกว้าง x ยาว เท่ากับ 851 x 315 px
รูปโปรไฟล์เราก็มีแล้ว รูป Cover Photo เราก็ทำแล้ว คอนเทนต์เราก็โพสต์แล้ว หลังจากนี้ก็ถึงขั้นตอนเพิ่มเพื่อน โดยผมขอแนะนำให้ชวนเพื่อนโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้
- กลุ่มแรก ชวนเพื่อสนิท พ่อแม่พี่น้อง หรือญาติที่เรารู้จัก
- กลุ่มที่สอง กลุ่มที่ชื่นชอบเรา สนับสนุนเรา
- กลุ่มสุดท้าย กลุ่มลูกค้า พอถึงขั้นนี้เพจเราจะมีฐานคนไลก์อยู่ระดับนึงแล้ว
ฝากไว้ว่าทั้ง 3 กลุ่มนี้ การชวนเขาเราต้องเลือกชวนคนที่เราคิดว่าเขาจะได้ประโยชน์จากเพจเราด้วยนะครับ ไม่ใช่ชวนมั่ว เพื่อเน้นตัวเลขเพียงอย่างเดียว
ขั้นตอน 5 : วัดผล Measure Your Growth.
ขั้นตอนสุดท้าย และเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่หลายคนมักจะมองข้าม นั้นคือการวัดผล เหตุผลสำคัญที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะมองข้ามเพราะด้วยความยากของมัน มีแต่ค่าอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ คำศัพท์แต่ละคำก็ไม่รู้หมายความว่าอะไร บทความนี้จะแนะนำการอ่านค่าเบื้องต้นเพื่อให้นำไปวิเคราะห์ต่อได้
ก่อนอื่นให้เราคลิกไปที่เมนู Insight หรือข้อมูลเชิงลึก หลังจากนั้นเราจะเห็นตัวเลขอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ผมขอแนะนำไปทีละตัวดังนี้
- ภาพรวม (Overview): ข้อมูลนี้จะเป็นการโชว์ข้อมูล 7 วันที่ผ่านมาว่า มีคนไลก์เพจเพิ่มเท่าไหร่ (Page Like) , คนเห็นคอนเทนต์เราเท่าไหร่ (Post Reach), และภาพรวมตัวเลขการมีส่วนร่วม (Overall Engagement) เป็นเท่าไหร่
- จำนวนถูกใจ (Like) เมนูนี้จะเป็นการโชว์ข้อมูลภาพรวม คนที่กดถูกใจ (Like) และกดเลิกถูกใจ (Unlike) เป็นจำนวนเท่าไหร่ ส่วนใครที่ลงโฆษณา ก็จะเห็นข้อมูล Like ที่เกิดจากการซื้อและ Like ที่เพิ่มเองโดยธรรมชาติ เติบโตเป็นสัดส่วนเท่าไหร่
- การเข้าถึง (Reach) : เมนูนี้จะเป็นการโชว์ตัวเลขว่าในเวลาวันมีคนเข้าถึงเพจเราเป็นจำนวนเท่าไหร่ วันไหนที่กราฟสูงเราสามารถเช็คดูรายละเอียดได้ว่ามันสูงเพราะอะไร
- โพสต์ (Post) เมนูนี้ทุกคนเห็นน่าจะเข้าใจ คือเมนูที่บอกว่าช่วงเวลาไหนบ้างที่สมาชิกเพจเราออนไลน์มากที่สุด
ทั้งหมดนี้ก็เป็นขั้นตอนเบื้องต้นสำหรับการเปิดให้บริการ Facebook Page หรือสร้างเพจนั้นเอง สำหรับใครที่ยังมีคำถาม สงสัย ไม่เข้าใจ สามารถสอบถามเข้ามาได้ที่ Facebook Inbox หรือ Line@ ได้เลยนะครับ ผมยินดีช่วยให้คำปรึกษา 🙂