เป็นครั้งแรกที่ Mark Zuckerberg ออกแถลงการที่พูดถึงประเด็น Facebook ลด Reach บน Timeline ของตัวเอง
ครั้งที่ 1 พูดถึงการปรับลดการเห็นของ Page และเน้นการ Connect กับคนมากขึ้น
ครั้งที่ 2 พูดถึงสื่อสาธารณะ แบรนด์ ต่างๆ ว่าจะถูกปรับสัดส่วนการเห็นจาก 5% เหลือ 4%
ในมุมมองผมการใช้ Facebook เพื่อธุรกิจมันยังเวิร์คอยู่ แต่มันจะเวิร์คเฉพาะบางธุรกิจ
- ธุรกิจที่เวิร์คคือธุรกิจที่ลงเงินกับ Facebook Ads แล้วได้ยอดขายโดยตรง เช่น ธุรกิจ X ลง Facebook Ads วันละ 500 ขายได้ 5,000 บาท ธุรกิจแบบนี้จะอยู่รอด เพราะจะมีงบลงโฆษณาไม่จำกัด
- ธุรกิจที่อยู่ยากขึ้น คือกลุ่มที่ใช้ Facebook แล้วไม่ได้สร้างยอดขาย หรือรายได้ คุณจะอยู่ลำบากเพราะถ้าคอนเทนต์ไม่ดีจริง คนจะเห็นน้อย จะให้ลงเงินทุกคอนเทนต์ คงเป็นไปไม่ได้ถ้าคุณไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ จนหลายคนหันไปมองว่าเว็บไซต์คือทางออก
สิ่งที่ผมแนะนำคือ Facebook จะเวิร์คสำหรับคนที่ปรับตัวทัน คุณต้องทำการบ้านว่าจะปรับรูปแบบธุรกิจยังไงให้เข้ากับ Facebook ปี 2018 หรือจะถอยไปใช้กลยุทธ์อื่น เช่น Website หรือ Google แต่สำหรับผม Facebook ยังเวิร์คอยู่ ลองฟังความเห็นผมกับการปรับลด Facebook Reach 2018 กันครับ
Meaningful Social Interaction คือตัวชี้ตัวที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
Meaningful Social Interaction เป็นค่าชี้วัดว่าโพสต์ของคุณนั้นมีประโยชน์จริงรึเปล่า Facebook ไม่ได้วัดแค่ Like, Share, Comment อีกต่อไป แต่เขาจะวัดลึกลงไปอีก แค่คอมเมนต์อย่างเดียวไม่พอ ต้องคอมเมนต์ที่มีค่า มีประโยชน์จริง Facebook ถึงให้ค่าความสำคัญ เช่น
- คอมเมนต์ตอบคำถามซ้ำๆ กับในเพจที่จัดกิจกรรมแจกบัตร Starbuck
- แท็กหาเพื่อน แล้วไม่เกิดการตอบโต้กันแต่อย่างใด
- พิมพ์ข้อความซ้ำๆ เช่น 555, สาธุ
- กิจกรรมบังคับให้ Like Share และคอมเมนต์
- คอนเทนต์บังคับให้กด Reaction
คอนเทนต์เหล่านี้ Facebook มองว่าไม่ได้ส่งมอบคุณค่าแต่อย่างใด ถึงแม้ค่าการมีส่วนร่วมจะสูง แต่ค่าการเห็นก็จะไม่สูงตามไปด้วย
กลับกันถ้าเราสามารถทำคอนเทนต์ที่
- มีคนเข้ามาคอมเมนต์กันอย่างมากมาย โดยแต่ละคนคอมเมนต์มาจากใจ ไม่ได้บังคับ
- ระหว่าง Live Facebook มีการ ถาม-ตอบ เพื่อชวนคนดูพูดคุย
- ทำคอนเทนต์ออกมาดีมาก ดูแล้วอยากแชร์ โดยไม่ได้บังคับ
- คอนเทนต์ที่โพสต์ไปมีการพูดคุยกันระหว่างแอดมินและลูกเพจ
- ระหว่างโพสต์กิจกรรม มีลูกเพจทัก Inbox มาเพื่อพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ
จะเห็นว่าความเป็นจริงแล้วมันก็คือการวัดค่า “ปฎิสัมพันธ์” นั้นแหล่ะครับ แต่เขาวัดลึกไปอีกขั้นนั้นเอง การที่เราจะหลอกให้ Like, Share, Comment แล้วหวังจะได้ค่า Reach สูงๆ มันทำได้ยากแล้ว สิ่งที่ Facebook กำลังบอกเราคือ การใส่ใจในการทำคอนเทนต์ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกเพจนั้นเอง